การศึกษาประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของเครื่องดนตรีจำเป็นที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจบริบทแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านของสังคม ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยี ไปพร้อมๆกัน เนื่องจากทั้งสามด้านล้วนส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงและการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องดนตรีแทบทั้งสิ้น ซึ่งหากจะกล่าวถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงสำหรับทรอมโบน อาจต้องย้อนไปจนถึงยุคโบราณ เนื่องจากนักประวัติศาสตร์ทางด้านดนตรีหลายท่านเชื่อว่าทรอมโบนมีวิวัฒนาการต่อมาจาก Natural Trumpet ด้วยลักษณะและขนาดที่คล้ายกันประกอบกับมีหลักฐานหลายชิ้นที่ยืนยันว่า Natural Trumpet นั้นเกิดขึ้นก่อน
คือในยุค Renaissance มีการใช้ Natural Trumpet ในการบรรเลงมากมายในหลายโอกาสและในหลายงานประพันธ์เช่น ในงานของ Antonio Gabrieli, Andrea Gabrieli และ Claudio Monteverdi ซึ่งนักประพันธ์เหล่านี้ภายหลังก็ได้มีการประพันธ์บทเพลงโดยมีโน้ตส่วนที่เป็น Sackbut รวมอยู่ด้วย ในสมัย Medieval และ Renaissance นั้นเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่า Sackbut นี้เป็นเครื่องดนตรีกลุ่มเครื่องลมทองเหลืองที่มีลักษณะคล้ายคลึงกลับ Trombone ในปัจจุบันมากที่สุด และนักประวัติศาสตร์ดนตรีก็เชื่ออีกว่า Natural Trumpet และ Sackbut ต่างก็มีอิทธิพลต่อการเกิดของ Trombone ไม่แพ้กัน แต่ดูเหมือนว่า Sackbut จะได้รับการกล่าวถึงมากกว่า เนื่องจาก รูปร่างลักษณะ และ วิธีการบรรเลง ที่มีความคล้ายคลึงกับ Trombone ในสมัยปัจจุบันมากกว่า Natural Trumpet คือ Sackbut เป็นเครื่องลมทองเหลืองที่มีเสียงอยู่ในระดับ Alto ,Tenor และ Bass ตามขนาดคล้ายกับ Trombone และที่สำคัญคือ ในการบรรเลง Sackbut นั้นผู้บรรเลงต้องยกเครื่องขึ้นในระดับเดียวกับหัวไหล่โดยมีส่วนหลังของเครื่องไปทางด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหลักของ ท่อ Slide และมี ลำโพง( Bell ) ที่ชี้ไปด้านหน้าคล้าย Trombone เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ พอจะสรุปไปอย่างชัดเจนว่า Trombone นั้นมีวิวัฒนาการของมากเครื่อง Sackbut( Eng ) Sacqueboute ( Fr ) ในสมัย Renaissance
คำว่า Trombone เป็นภาษาอิตาลีมีที่มาจากคำว่า “Tromba” ซึ่งหมายถึง ทรัมเป็ตในภาษาอิตาลี ผสมกับคำว่า “one” ที่แปลว่า ใหญ่ ทำให้ความหมายที่แท้จริงคำหรับ Trombone ก็คือ “ทรัมเป็ตตัวใหญ่” นั้นเอง นอกจากนี้ยังมีคำที่ใช้เรียกทรอมโบนที่แตกต่างออกไปอีก เช่น Posaune ในภาษาเยอรมัน
บทบาทของทรอมโบนนั้นเริ่มมีการนำมาใช้ในการบรรเลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุค Classic Era เป็นต้นมา อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ในยุค Renaissance งานการประพันธ์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ Sackbut ซึ่งแทบทั้งหมดจะเป็นการบรรเลงในแนวเสียงต่ำเพื่อสนับสนุนทำนอง และในยุค Baroque Johann Sebastian Bach และ George Frideric Handel ก็ไม่นิยมประพันธ์บทเพลงโดยใช้ Trombone โดยเฉพาะในงานชิ้นสำคัญเช่น “ The Messiah” นั้นแท้จริงแล้วในต้นฉบับไม่ได้มีการแต่งโน้ตสำหรับทรอมโบนแต่มีการเรียบเรียงขึ้นใหม่ภายหลังเพื่อบทเพลงมีความดังและต้องการความยิ่งใหญ่มากขึ้น จึงมีการเพิ่มเติมในส่วนของทรอมโบนเข้าไป
เข้าสู่ยุค Classic มีบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อการบรรเลงเดี่ยวทรอมโบนเช่นงานของ Leopold Mozart , Michael Haydn, Georg Christoph Wagenseil และ Johann Albrechsberger ซึ่งหลังจากนั้นทรอมโบนจึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จึงทำให้นักประพันธ์เริ่มเลือกใช้ทรอมโบนในการบรรเลงทั้งในฐานะของเครื่องบรรเลงเดี่ยวและการบรรเลงรวมวง จนกลายเป็นเครื่องดนตรีหลักสำหรับวงออร์เครสตราในที่สุด